เที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง สนุกกับการเดินทางด้วย JR PASS
JAPAN RAIL PASS บัตรเดียวเที่ยวครบทุกการเดินทางทั่วประเทศญี่ปุ่น
สำหรับหลายๆท่านที่เคยได้ไปเที่ยวญี่ปุ่นน่าจะคุ้นเคยกับตั๋วรถไฟที่นักท่องเที่ยวเรียกว่า JR Pass เพราะตั๋วนี้สามารถใช้นั่งรถไฟ JRได้หมด ดั้งแต่ขบวนธรรมดา รถไฟด่วน รวมถึงรถไฟชินคันเซน สำหรับท่านที่อยากไปเที่ยวญี่ปุ่นแต่ยังไม่รู้ว่า JR Pass คืออะไร ใช้ยังไง เรามาทำความรู้จัก JR Pass กันค่ะ
JR Pass (Japan Rail Pass) คืออะไร
JR PASS (Japan Rail Pass) คือ ตั๋วรถไฟในเครือของบริษัท JR สามารถใช้ได้ทั่วประเทศญี่ปุ่น สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเหมาะกับผู้ที่มีแพลนการท่องเที่ยวแบบเดินทางไกลข้ามภูมิภาคหรือไปหลายๆจังหวัดในประเทศญี่ปุ่น เพราะอย่างที่ทราบกันว่าค่ารถไฟที่ญี่ปุ่นนั้นแพงมาก
บัตร JR Pass สามารถใช้ได้ ทั้งรถไฟแบบธรรมดา (Local) และรถไฟความเร็วสูง (Shinkansen) นอกจากนี้ยังสามารถใช้เดินทางรถด่วนพิเศษ (Limited Express), รถด่วน (Express), รถเร็ว (Rapid), เรือเฟอร์รี่ไปเกาะมิยาจิม่า ฮิโรชิม่า (JR Ferry), รถบัสทั้งถิ่นของบริษัท JR (JR Bus) ได้บัตรเดียวสามารถใช้เดินทางกับ JR ได้หลายประเภทมาก
ผู้ที่มีสิทธิ์ใช้ JR PASS ได้แก่
- นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศญี่ปุ่นด้วยวีซ่าแบบชั่วคราว หรือ “Temporary Visitor”
- ผู้ที่เข้าประเทศญี่ปุ่นด้วยวัตถุประสงค์อื่นๆ เช่น เพื่อไปทำงาน เรียน ฝึกงาน งานแสดงต่างๆ จะไม่สามารถใช้ JR Pass ได้
- ชาวญี่ปุ่นผู้ที่มีถิ่นพำนักนอกประเทศญี่ปุ่นมากกว่า 10 ปี สามารถใช้ JR Pass ได้ แต่เฉพาะ แบบ All Area เท่านั้น
- หนังสือเดินทางข้าราชการ ไม่สามารถใช้ JR Pass ได้
การนับวันหมดอายุของตั๋ว JR PASS (Japan Rail Pass) นับระยะเวลาตามปฏิทิน (เที่ยงคืน-เที่ยงคืน) เช่น ตั๋ว 7 วัน เริ่มต้นใช้งานวันแรกเวลาเที่ยงวัน(12:00) จะหมดอายุในเวลาเที่ยงคืน(00:00) ของวันที่7
ประเภทของ JR Rail Pass
- 1.แบบ Ordinary (รถไฟชั้นธรรมดา)
- 2.แบบ Green (รถไฟชั้น1)
* สำหรับเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 6 ปี ไม่ต้องเสียค่าโดยสาร สามารถใช้ที่นั่งร่วมกับผู้ใหญ่ได้
* ตั๋วมีอายุ 90 วัน นับตั้งแต่วันออกตั๋ว
* สามารถใช้งานได้เฉพาะผู้ที่มีคุณสมบัติตรงตามที่กำหนดเท่านั้น เช่น นักท่องเที่ยวต่างชาติ, มีการพำนักระยะสั้น ฯลฯ
* ไม่มีการออกให้ใหม่กรณีเกิดการสูญหาย (รวมถึงการถูกขโมย)
ข้อแตกต่างระหว่างรถไฟชั้น 1 (Green) กับ รถไฟชั้นธรรมดา (Ordinary)
แบบ Green หรือ รถไฟชั้น 1 จะมีที่นั่งกว้างกว่าแบบ Ordinary ชั้นธรรมดา และผู้โดยสารมักจะมีจำนวนน้อยกว่า ข้อแนะนำสำหรับนักท่องเที่ยว หากต้องการความหรูหราสะดวกสบายไม่แออัดให้เลือกนั่งรถไฟชั้น 1 นักท่องเที่ยวที่ซื้อตั๋ว Ordinary หากต้องการอัพเกรดไปนั่ง Green จะมีค่าใช้จ่ายต่างหากซึ่งราคาค่อนข้างสูงมาก
ซื้อ JR Pass ที่ไหนได้บ้าง?
1. ผ่านเว็บไซต์ของ JR ญี่ปุ่น ต้องสั่งซื้อล่วงหน้าอย่างน้อย 14 วันก่อนบินไปประเทศญี่ปุ่น เพื่อรอรับใบ Exchange Order ส่งมาจากนั้นนำไปแลกบัตร JR ตัวจริงได้ที่ญี่ปุ่นภายใน 90 วัน
2. ตัวแทนจำหน่ายในประเทศไทย วิธีนี้สะดวกมากๆ สำหรับคนไทยสามารถซื้อบัตร JR pass ราคาถูกกว่าและได้รับ Exchange Order สำหรับนำไปแลกที่ญี่ปุ่นในทันที **จะมีราคาโปร เช่น งานท่องเที่ยวต่างๆ
3. สำนักงานขายตั๋ว JR ในประเทศญี่ปุ่น สามารถไปซื้อ JR Pass ที่ญี่ปุ่นได้ มีจุดขายตั๋วอยู่สถานีรถไฟหลักญี่ปุ่นและที่สนามบิน
4.แอปพลิเคชัน Klook การดำเนินการผ่านแอปฯ เสร็จแล้วจะได้ E-Ticket exchange Voucher แต่ถ้าตั๋วแบบ All Area ต้องสั่งล่วงหน้าอย่างน้อย 14 วัน เพื่อรับใบ Exchange Order ทางไปรษณีย์ ถึงจะได้ใบที่นำมาแลกบัตร JR ตัวจริง
การแลกตั๋ว JR Pass ตัวจริง
1.เตรียม Passport และ Exchange Order / Voucher
2.สถานที่แลกเปลี่ยนพาส สถานีหลักและในสนามบิน JR Ticket Office โดยมองหาสัญลักษณ์ Midori no Madoguchi และติดต่อเจ้าหน้าที่เพื่อขอรับพาสตัวจริง
3.รับพาสตัวจริงเรียบร้อย ก็สามารถใช้ได้เลยตามประเภทและเงื่อนไขพาสที่เราซื้อ
4.วันที่รับและวันที่เริ่มต้นใช้ JR Pass ไม่จำเป็นต้องเป็นวันเดียวกัน สามารถเริ่มต้นใช้ JR Pass ได้นานถึง 30 วันหลังจากการแลกเวาเชอร์
**หากชื่อในใบ Exchange Order ไม่ตรงกับ Passport จะไม่สามารถแลกบัตรจริงได้
**อาจใช้เวลานาน เนื่องจากมีลูกค้าที่เคาน์เตอร์จำนวนมาก กรุณาเผื่อเวลาในการแลกพาส
ตัวอย่างบัตร JR Pass
ข้อควรระวังและข้อแนะนำการใช้ JR Pass
**รถไฟ JR ที่ต้องจองที่นั่งเท่านั้น ได้แก่ขบวนต่อไปนี้
รถไฟ Narita Express (โตเกียว – สนามบินนาริตะ) / รถไฟ Hayabusa และ Hayate สาย Tohoku/Hokkaido Shinkansen /รถไฟ Komachi สาย Akita Shinkansen / รถไฟ Tsubasa สาย Yamagata Shinkansen / รถไฟ Kagayaki สาย Hokuriku Shinkansen รถไฟกลางคืน Sunrise Seto และ Sunrise Izumo
นอกจาก JR Rail Pass หากท่านที่ไม่ต้องการซื้อแบบ All Area สามารถเลือกซื้อพาสแบบภูมิภาคได้ ซึ่งก็มีมากมายให้เลือกตามแผนการท่องเที่ยวของแต่ละท่าน ซึ่งราคาก็จะถูกว่า ส่วนการใช้งานก็ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละพาส ตัวอย่าง JR Pass แบบภูมิภาค
- JR Hokkaido Rail Pass ใช้ได้ทั่วทั้ง ฮอกไกโด อาทิ ซัปโปโร, อาซาฮิคาว่า, โนโบริเบ็ทสึ, มอนเบ็ทสึ, ฟุราโน่ เป็นต้น
- JR West Rail Pass มีให้เลือกมากถึง 13 ประเภท ใช้ได้ตามเมืองท่องเที่ยว เช่น Osaka , Kyoto , Okayama , Tottori , Kobe , Wakayama เป็นต้น
- JR Kyushu Rail Pass ใช้ได้ในภูมิภาคคิวชู ได้แก่ ฟุกุโอกะ, นางาซากิ, โออิตะ, ซากะ, คุมาโมโตะ เป็นต้น
ไปเที่ยวญี่ปุ่นครั้งหน้า ท่านใดมีแผนท่องเที่ยวแบบเน้นการเดินทางข้ามจังหวัด ข้ามภูมิภาคก็อย่าลืมมองหาตั๋ว JR Pass เพื่อวางแผนการเดินทาง และสนุกกับการนั่งรถไฟท่องเที่ยวญี่ปุ่นกันนะคะ
ขอบคุณข้อมูล JNTO Japan-Guide