2024.05.02การหางาน • การสัมภาษณ์งาน

เขียนเรซูเม่ อย่างไรให้โดนใจ HR

เรซูเม่ (Resume) คือ ประวัติโดยย่อที่สรุปเกี่ยวกับประวัติการศึกษา การทำงานและทักษะความสามารถต่างๆ  ซึ่งเรซูเม่มีความสำคัญมากๆสำหรับการสมัครงาน การที่เราจะถูกเรียกสัมภาษณ์หรือไม่ขึ้นอยู่กับเซูเม่ของเราด้วย เพราะมันคือด่านแรกที่ HR จะรู้จักเราและเป็นเอกสารสำคัญใน การนำเสนอตัวเองเพื่อการสมัครตำแหน่งงานที่ต้องการ ดังนั้น จะทำอย่างไรให้เรซูเม่มีความน่าสนใจและถูกใจ HR เรามีคำแนะนำมาฝากกันค่ะ

เรซูเม่ที่ดีควรมีข้อมูลอะไรบ้าง

1.ข้อมูลส่วนตัวและข้อมูลการติดต่อ (Personal Information)  ทั้งข้อมูลส่วนตัว ชื่อ-นามสกุล ช่องทางการติดต่อ  แม้จะดูเป็นส่วนที่ง่ายแต่ก็อย่าลืมใส่ใจรายละเอียด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการสะกดคำ ความถูกต้อง เพราะหากพลาดแล้วก็จะกลายเป็นจุดผิดพลาดที่ใหญ่มากเพราะแสดงถึงความไม่ Professional และความไม่ตั้งใจได้  นอกจากนี้อาจจะมีการเขียน Resume Summary แนะนำตัวเองสั้น ๆ ใส่ไว้ในส่วนบนของเปรียบเสมือนคำโปรยแทนตัวเรา เปรียบเทียบว่าหากคุณมีเวลา 30 วินาที คุณอยากแนะนำตัวยังไงให้ดูโดดเด่นในสายตาผู้สัมภาษณ์งานบ้าง

ทริคสำหรับ ชื่อ-นามสกุล ให้เน้นและใช้ขนาดใหญ่กว่าปกติเล็กน้อย เพื่อสร้างจุดเด่นและมองเห็นได้ชัดเจน

2.จุดมุ่งหมายในการทำงาน (Career Objective) เป็นส่วนที่พูดถึงความน่าสนใจของงานตำแหน่งงาน หรือเป้าหมายในการทำงานของผู้สมัคร 

3.ประวัติการศึกษา (Education) แม้ว่าจะเป็นอีกส่วนที่สำคัญและขาดไม่ได้ในการเขียนเรซูเม่ แต่หลายคนก็ทำพลาดบ่อยๆ ด้วยการใส่วุฒิการศึกษาละเอียดเกินไป โดยทั่วไปแล้วใส่แค่วุฒิการศึกษาสูงสุด หรือบางคนอาจจะใส่ 2 วุฒิล่าสุดที่เพิ่งจบการศึกษาในกรณีที่เรียนปริญญาโท ไม่จำเป็นต้องใส่วุฒิม.ปลายในเรซูเม่  ข้อมูลที่ต้องใส่คือ ชื่อสถาบัน คณะ สาขา เกรดเฉลี่ย ปีที่จบการศึกษา  

4.ประวัติการทำงาน / ประสบการณ์ทำงาน  (Work Experience) ถือว่าเป็นส่วนที่สำคัญที่สุดในการเขียนเรซูเม่เลยก็ว่าได้ เพราะประสบการณ์การทำงานก็บ่งบอกได้ว่าสามารถทำงานในตำแหน่งงานนั้นๆได้หรือไม่ มีศักยภาพในการทำงานได้มากน้อยแค่ไหน เป็นต้น ควรเขียนประสบการณ์ทำงานที่สามารถเข้าใจได้ง่าย กระชับ และชัดเจนมากที่สุด

ทริคเพิ่มเติม หากเป็นไปได้ให้เขียนที่สามารถแสดงเป็นตัวเลขที่สามารถวัดผลได้  เช่น เพิ่มยอดขายคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ เป็นต้น ตัวเลขเหล่านี้ทำให้ดูน่าเชื่อถือมากขึ้นนั่นเอง แต่หากเป็นน้องจบใหม่ สามารถใส่งานพิเศษ งานจิตอาสา อาสาสมัครที่เคยทำ หรือประสบการณ์ฝึกงานก็ได้ 

5.ทักษะและความสามารถพิเศษ  (Skills) ทักษะและความสามารถพิเศษ เป็นส่วนที่แสดงให้ HR เห็นว่าคุณมีทักษะอะไรบ้าง และตรงกับที่บริษัทกำลังมองหาไหม ดังนั้นจึงควรใส่ทักษะที่สอดคล้องกับ Job Description หรือสามารถเอามาปรับใช้ในการทำงานได้ โดยทักษะในการทำงานหลักๆ มี 2 ส่วนคือ Hard Skills เช่น ทักษะในสายงาน ทักษะไอที คอมพิวเตอร์ ภาษา เป็นต้น และ Soft Skills เช่น การทำงานเป็นทีม ความยืดหยุ่น การปรับตัว เป็นต้น นอกจากนี้ หากเคยผ่านการอบรม หรือเรียนคอร์สออนไลน์ที่เกี่ยวกับการทำงานก็สามารถเขียนในเรซูเม่ได้เช่นเดียวกัน

————————————————————————————————————————————————-

ทริคการเขียนเรซูเม่ให้ดูดีและน่าสนใจ

1.จัดวางข้อมูล แบ่งแต่ละส่วนให้ชัดเจน  โดยจัดวางลำดับความสำคัญของข้อมูลและแบ่งแต่ละส่วนให้ชัดเจน เพราะโดยมากแล้ว HR จะอ่านแบบผ่านๆตาหรือการ Skimming  เรซูเม่ที่ดีควรแบ่งสรรแต่ละส่วนที่คุณต้องการให้ HR เห็นได้อย่างสะดุดตาชัดเจนและทำให้เรซูเม่น่าอ่านมากขึ้น 

2.ใช้คำให้เข้าใจง่ายแต่โดนใจ  อย่างที่กล่าวไปว่า HR จะอ่านแบบ Skimming ดังนั้น คำที่เลือกใช้ในการเขียนเรซูเม่จึงสำคัญมากในดึงดูดความสนใจของผู้อ่าน แนะนำให้เลือกใช้คำที่ทรงพลังหรือสื่อถึงตำแหน่งงานนั้นๆได้ตรง เพื่อสร้างความเป็นมืออาชีพให้โปรไฟล์ของคุณ

3.ปรับแต่งเนื้อหาหรือทักษะให้เหมาะกับตำแหน่งงาน  นอกจากการเลือกคำที่ทรงพลังเพื่อดึงดูดความสนใจ เพิ่มเติมไปมากกว่านั้นคือควรเลือกเขียนทักษะหรือ Skills ที่เหมาะสมกับตำแหน่งที่คุณสมัครที่สุดด้วยเช่นกัน เช่น หากคุณสมัครงานที่เน้นการใช้ Hard Skills เกี่ยวกับการใช้คอมพิวเตอร์มากกว่า แต่เรซูเม่ของคุณกลับเน้นไปที่การใช้ Soft Skills แทน นี่ก็อาจทำให้นายจ้างหรือ HR อาจมองว่าคุณไม่เหมาะกับงานก็เป็นได้

4.ตรวจเช็คคำผิดและข้อมูลการติดต่อให้ถูกต้อง อย่าลืมตรวจทานคำผิด ไวยากรณ์ และข้อมูลติดต่อให้ถูกต้อง ข้อผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ อย่างการสะกดผิด เป็นจุดที่อาจสร้างความประทับใจในเชิงลบแก่ HR   นอกจากนี้อย่าลืมว่า หากบริษัทติดต่อเราไม่ได้เพราะข้อมูลการติดต่อไม่ถูกต้อง อาจส่งผลทำให้พลาดโอกาสได้งานดีๆ ไปก็เป็นได้

5.บันทึกเรซูเม่ด้วยไฟล์ PDF หรือ  MS Word  ที่เปิดอ่านได้ง่ายหรือได้ทันทีไม่ต้องดาวน์โหลดให้ยุ่งยาก  ไม่แนะนำการบันทึกเป็นไฟล์รูปภาพ

6.ความยาว 1 หน้ากระดาษ A4 ก็เพียงพอ  เรซูเม่ที่ดีน่าสนใจไม่ควรที่จะมีข้อมูลที่เยอะเกินไป อย่าลืมว่าฝ่ายบุคคลไม่มีเวลาอ่านเรซูเม่ที่ยาวมากๆแน่ๆ  ดังนั้น แนะนำว่า 1 หน้าA4  หรือไม่ควรเกิน 2 หน้า นอกจากนี้ ขอฝากเรื่องรูปแบบเรซูเม่ เน้นให้เป็นรูปแบที่เรียบง่าย ไม่ใช้สีสันเยอะๆ ใช้สีพื้น เรียบร้อย ดูสบายตาจะดีที่สุด 

————————————————————————————————————————————————-

ข้อควรหลีกเลี่ยงในการทำเรซูเม่

1.ไม่ใส่รูปที่ไม่ทางการหรือเซลฟี่  สำหรับการใส่รูปภาพ สำหรับบริษัทต่างประเทศก็ไม่จำเป็นต้องมีก็ได้ แต่บริษัทในไทยส่วนมากก็ยังใส่รูปในเรซูเม่ หรือบางตำแหน่งงานที่ฝ่ายบุคคลต้องการเห็นบุคลิก เช่น สายงานบริการ ก็ยังจำเป็นอยู่  ดังนั้นขอแนะนำคือเน้นรูปสุภาพ หน้าตรงดีที่สุดค่ะ

2.ไม่ใช้อีเมลที่ไม่ Professional  การสมัครงานควรใช้อีเมลมชื่อที่มีความเป็นทางการ เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ หากเป็นไปได้แนะนำให้สมัครอีเมลใหม่เพื่อใช้สำหรับการสมัครงานและการทำงานโดยเฉพาะ เช่น อีเมล ชื่อ.นามสกุล@gmail.com หรือ ชื่อ.นามสกุลตัวแรก@gmail.com เป็นต้น

3.ใส่ข้อมูลส่วนตัวที่มากเกินจำเป็น  เป็นอีกจุดนึงที่หลายคนมักพลาดอยู่บ่อยๆ ไม่จำเป็นต้องใส่รายละเอียดบางข้อมูลบนเรซูเม่มากนัก  เช่น ข้อมูลจำพวกอายุ น้ำหนัก ส่วนสูง วันเกิด หรือสถานภาพการสมรส เป็นข้อมูลเหล่านี้อาจจะไม่ได้นำมาประกอบการพิจารณา  นอกจากนี้ยังมีข้อมูลส่วนการศึกษาที่ใส่เฉพาะวุฒิการศึกษาสูงสุดอย่างเดียวก็เพียงพอแล้ว  หรือ การใส่งานอดิเรกหรือความชอบที่ไม่เกี่ยวข้องกับตำแหน่งงานก็อาจจะไม่ได้สร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้เราเช่นกัน

4.ไม่ทำเรซูเม่แบบหว่าน คือ ทำเรซูเม่ครั้งเดียวแล้วใช้สมัครงานหลายๆงาน อันนี้ก็ไม่แนะนำ ควรปรับแต่งเนื้อหาให้เหมาะกับตำแหน่งงานที่สมัครและสำหรับสมัครงานบริษัทนั้นโดยเฉพาะ นั่นก็เป็นเพราะว่า ชื่อตำแหน่ง , Job Description ของงานในแต่ละบริษัทไม่เหมือนกัน ทริคง่ายๆ พยายามใช้คำคีย์เวิร์ดของงานที่เราสมัครเพื่อที่จะได้เข้าตาของฝ่ายบุุคลได้ง่าย

5.ไม่จำเป็นต้องใส่เกรดเฉลี่ย หากได้เกรดน้อย  การเขียนเรซูเม่คือการเขียนจุดเด่นของเราให้ฝ่ายบุคคลได้เห็น ดังนั้น หากเกรดเฉลี่ยไม่ได้สูงมากนัก (น้อยกว่า 2.75) ก็คงเป็นการดีกว่าหากคุณเก็บจุดอ่อนเอาไว้ ทริคง่ายๆ สำหรับการเขียนเรซูเม่ของคนที่เกรดน้อย คือ ไม่ต้องระบุเกรดเฉลี่ย แต่ระบุแค่ชื่อสถาบันการศึกษา คณะ และสาขาวิชาที่เรียน แล้วไปเน้นในส่วนของทักษะหรือประสบการณ์การทำงานให้เหมาะกับตำแหน่งงานที่เราสมัครไป

6.ไม่ใช้รูปแบบตัวอักษรที่อ่านยากและขนาดเล็กเกินไป การทำเรซูเม่ให้น่าสนใจ นอกจากรูปแบบ ข้อมูลในเรซูเม่แล้วอีกสิ่งที่ไม่อยากให้พลาด คือ รูปแบบตัวอักษร ให้เลือกใช้ตัวอักษรที่อ่านง่าย เน้น Font มาตรฐาน เช่น Calibri, Arial, Times New Roman (ขนาด10-12) เป็นต้น อย่าลืมว่าฝ่ายบุคคลมีเวลาอ่านเรซูเม่ไม่ได้เยอะ หากคุณใช้ฟ้อนท์ที่อ่านยากเรซูเม่ของคุณก็อาจจะโดนปัดตกไปได้ง่ายๆ เช่นกัน

รู้หรือไม่ ปัจจุบันมีหลายๆองค์กรที่เริ่มนำ AI มาช่วยคัดกรอง ในขั้นแรก เนื่องจากจำนวนผู้สมัครงานที่ส่งเรซูเม่เข้ามาจำนวนมาก ดังนั้น การเขียนเรซูเม่ ควรคำนึงถึง Key word สำคัญๆของตำแหน่งงานที่สมัคร พร้อมทั้งเลืvกขนาดตัวอักษรและสีที่ระบบ AI จะสามารถอ่านและประมวลผลได้ง่าย

การทำ Resume ให้น่าสนใจนั้นไม่ยาก เชื่อว่าทุกคนมีจุดขายของตัวเองอยู่แล้ว อย่ากังวล ลองนำเทคนิคและข้อแนะนำไปสร้างเรซูเม่เพื่อสมัครงานกันนะคะ อย่าลืมว่า Resume ของคุณต้องกระชับ อ่านง่าย ข้อมูลครบถ้วน ไม่มีคำสะกดผิด การถูกเรียกไปสัมภาษณ์งานก็ไม่ไกลเกินเอื้อมแน่นอน

 

ตัวอย่างเรซูเม่

 

สนใจหางาน อยากทำงานบริษัทญี่ปุ่น มาลงทะเบียนสมัครงานกับเพอร์ซันแนลฯ   ฟรี!! ไม่มีค่าใช้จ่าย
ต้องการฝากประวัติ https://www.personnelconsultant.co.th/jobseeker/register_jobseeker/
📧 ส่งเรซูเม่ (ภาษาอังกฤษ) jobs@personnelconsultant.co.th

#ช่องทางหางาน #socialmedia #หางาน #สมัครงาน #หางานบริษัทญี่ปุ่น #ฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย
#จัดหางานเพอร์ซันแนลคอนซัลแตนท์ #personnelconsultant