2024.06.21การทำงานบริษัทญี่ปุ่น

ที่มาของชื่อแบรนด์ญี่ปุ่น .. ที่เราคุ้นเคย

แบรนด์สินค้าญี่ปุ่นที่เรารู้จักและคุ้นเคยกัน รู้หรือไม่ว่า ชื่อแบรนด์เหล่านั้นมีที่มาจากไหน?

มีสินค้าญี่ปุ่นมากมายที่คนไทยคุ้นหูคุ้นตา และสินค้าที่ใช้กันอย่างคุ้นมือเหล่านั้น ส่วนใหญ่มาจากประเทศญี่ปุ่น แต่ทราบกันหรือไม่ว่าชื่อผลิตภัณฑ์หรือแบรนด์เหล่านั้นมีที่มาจากอะไรบ้าง ในครั้งนี้เราจึงนำชื่อแบรนด์ หรือผลิตภัณฑ์ของญี่ปุ่นมาแนะนำที่มาที่ไปของชื่อให้ทราบกันค่ะ

1.Bridgestone

ยางรถยนต์ระดับโลกสัญชาติญี่ปุ่น  Bridge Stone ตั้งตามชื่อสกุลของผู้ก่อตั้ง คือ คุณอิชิบาชิ (Ishibashi) ที่เขียนตัวอักษรคันจิ 2 ตัว 石橋  คำแรกแปลว่า ก้อนหิน (Stone) คำที่สองแปลว่า สะพาน  (Bridge) แต่เป็นการกลับหน้าหลังกันจาก Stone+Bridge กลับแล้วต่อกันรวมเป็น BRIDGESTONE

2.AJINOMOTO 

บริษัทแรกของโลกที่พัฒนาผลิตภัณฑ์ผงชูรส หรือ Monosodium Glutamate  ที่มาของการตั้งชื่อแบรนด์ก็มาจากผลิตภัณฑ์ที่สร้างความอร่อย รสชาติอุมะมิ เพราะคำว่า “อะจิ โนะ โมะโตะ (味の素)  ในภาษาญี่ปุ่นแปลว่า “ต้นกำเนิดแห่งรสชาติ” เพราะถือว่าเป็นคนแรกที่พัฒนาผลิตภัณฑ์สร้างรสชาติอุมะมิ 

3.KYOCERA

เคียวเซร่า แบรนด์เครื่องถ่ายเอกสารและเครื่องครัวของใช้ประจำสำนักงานและบ้าน ส่วนที่มาของชื่อมาจากผลิตภัณฑ์ในตอนก่อตั้งบริษัทและที่ตั้งบริษัท คือเป็นคำย่อของ Kyoto Ceramic

4.UNIQLO

UNIQLO แบรนด์เสื้อผ้าที่โด่งดังและได้รับความนิยมไปทั่วโลก ด้วยความเรียบง่าย เน้นการใช้งาน จริงๆแล้วเป็นคำย่อมาจาก Unique Clothing Wearhouse ออกมาเป็น UNICLO ตอนก่อตั้งบริษัทร่วมทุนเกิดความผิดพลาดขึ้น พิมพ์ตัว C ผิดเป็น Q แต่ประธานกรรมการขณะนั้นมองว่าเท่ดี จึงใช้คำว่า UNIQLO มานับตั้งแต่ตอนนั้น

5.MOS BURGER

Mos Burger คือร้านเบอร์เกอร์สัญชาติญี่ปุ่น โดยคำว่า MOS เป็นอักษรย่อของภาษาอังกฤษ 3 คำ คือ Mountain , Ocean และ Sun  แฝงความหมายด้วยความรักต่อมนุษยชาติและธรรมชาติ 

M มาจากคำว่า “Mountain” หมายถึง การยืนหยัดมั่นคงดั่งขุนเขา

O มาจากคำว่า “Ocean” หมายถึง มีจิตใจที่กว้างและลึกเหมือนมหาสมุทร

S มาจากคำว่า “Sun” หมายถึง มีแพสชันหรือความหลงใหล เหมือนดวงอาทิตย์ที่ไม่เคยมอดไหม้

6.Yakult 

ชื่อแบรนด์นี้ไม่ใช่ทั้งภาษาญี่ปุ่นและภาษาอังกฤษ  คำว่า “ยาคูลท์” (Yakult) มาจากภาษาเอสเปรันโต (Esperanto) หมายถึง โยเกิร์ต โดยสาเหตุที่เลือกภาษาเอสเปรันโตซึ่งเป็นภาษาประดิษฐ์ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อให้เป็นภาษาสากลของโลก และต้องการให้แบรนด์ยาคูลท์แพร่หลายไปทั่วโลกเพื่อให้มนุษยชาติทั่วโลกมีสุขภาพดี

7.Calbee

บริษัทผู้ผลิตขนมชั้นนำของญี่ปุ่นที่รู้จักกันดีคือ ข้าวเกรียบกุ้งแสนอร่อย นอกจากนี้ยังมีมันฝรั่งอบกรอบอย่าง จากาลปี้ และจาการิโกะ โดยชื่อ Calbee ได้มาจากการรวมสารอาหารสำคัญต่อร่างกายสองชนิด ได้แก่ แคลเซียม (Calcium) และ วิตามินบี1 (Vitamin B1) โดยคำนึงถึงอนาคตว่าจะต้องสร้างสรรผลิตภัณฑ์อาหารเพื่อสุขภาพที่ดีของผู้บริโภค

8.SUNTORY

Suntory แบรนด์เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ชื่อดังระดับโลกของญี่ปุ่น มีจุดเริ่มต้นจาก คุณ Shinjiro Torii ที่เริ่มนำเข้าไวน์จากต่างประเทศ และเริ่มการผลิตและจำหน่ายไวน์หวานของตัวเองชื่อว่า Akadama Port Wine ( Akadama หมายถึงลูกกลมๆ สีแดง เหมือนกับพระอาทิตย์ในธงชาติประเทศญี่ปุ่น) เมื่อต้องคิดชื่อบริษัท เขาจึงนำคำว่า Sun มาต่อกับชื่อ Torii ของตัวเอง ได้ออกมาเป็น SUNTORY  โดยยังแสดงความเป็นญี่ปุ่นคือเป็นลูกพระอาทิตย์ จึงสะกด Suntory เพื่อให้มีคำว่า Sun (พระอาทิตย์) อยู่ในแบรนด์

** ชาวต่างชาติมักจะพูดเล่นกันว่าชื่อ “ซังโทรี่” ที่มาจากการอ่านชื่อ ประธาน “โทรี่ ซัง” กลับหน้าหลัง แล้วใส่ตัวอักษร ภาษาอังกฤษที่มีความหมายลงไปเป็น “SUNTORY”

9.GLICO

บริษัทผู้ผลิตขนมที่ทุกคนคุ้นเคย ไม่ว่าจะ Pocky, Pretz, Colon และอื่นๆ อีกมากมาย เชื่อหรือไม่ คำว่า GLICO ย่อมาจากคำว่า Glycogen (ไกลโคเจน) หรืออาหารสะสมในร่างกายประเภทคาร์โบไฮเดรตซึ่งเป็นพลังงานให้แก่ร่างกายของเรา 

10.Pentel

แบรนด์เครื่องเขียนในดวงใจของใครหลายๆคน มีผลิตภัณฑ์ทั้งเครื่องเขียนและอุปกรณ์ศิลปะ ชื่อ  Pentel แสดงจุดยืนของแบรนด์และภาพรวมผลิตภัณฑ์ได้เป็นอย่างดี มี 2ความหมาย คือ ความหมายแรก เป็นการรวมคำว่า Painting+Pastel หมายถึงอุปกรณ์วาดรูปและสีแท่งพาสเทล ส่วนอีกความหมายหนึ่งคือ Pen+Tell หมายถึง ปากกาและการบอกเล่าถ่ายทอด

11.Kao

Kao บริษัทผู้ผลิตสินค้ามากมาย เช่น บิโอเร ไฮเตอร์ แอทแทค เป็นต้น แต่ชื่อแบรนด์ได้มาจากผลิตภัณฑ์ตัวแรก คือสบู่ล้างหน้าคาโอในสมัยก่อน ที่เรียกว่า Kao-Sekken แปลว่า “สบู่หน้า” แต่คำว่า “คาโอะ” ที่แปลว่าหน้าเฉยๆ ดูแข็งและน่าเบื่อเกินไป จึงคิดหาตัวอักษรคันจิความหมายดี เสียงอ่านใกล้เคียง ก่อนตกลงใจเลือก 花王 ซึ่งอ่านว่า “คาโอ” แปลว่าราชันย์แห่งดอกไม้

12.DHC

เวชสำอางและอาหารเสริม DHC  ย่อมาจาก “Daigaku Honyaku Center” แปลว่า “ศูนย์การแปลมหาวิทยาลัย” เพราะบริษัท DHC เดิมคือ บริษัทแปลเอกสาร แล้วมาเป็นบริษัทเวชสำอางยังไง? โดยบริษัทเน้นแปลให้แก่ศูนย์วิจัยของมหาวิทยาลัยเป็นหลัก สุดท้ายจึงตัดสินใจจำหน่ายเวชสำอางที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติ เช่นน้ำมันมะกอก 100% และพัฒนาเรื่อยมาจนในปัจจุบัน DHC เป็นเครือบริษัทที่มีทั้งเวชสำอาง เอสเต้ซาลอน ศูนย์การแปล สำนักพิมพ์ สถาบันการศึกษาไปจนถึงกิจการประมงและเฮลิคอปเตอร์เลยทีเดียว!!

13.Canon

แบรนด์กล้องถ่ายรูประดับโลก มีจุดเริ่มต้นมาจากชื่อกล้องถ่ายรูปตัวแรก “KWANON” คำว่า “คันนง” คือชื่อของเจ้าแม่กวนอิมในภาษาญี่ปุ่น และต่อมาก็มาใช้ร่วมกับคำว่า Canon ในภาษาอังกฤษ ที่มีความหมายถึงคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์หรือกฎเกณฑ์ ซึ่งตรงกับความตั้งใจของบริษัทที่จะผลิตอุปกรณ์ชั้นยอด ถูกต้อง แม่นยำ ในทุกอณูของชิ้นงาน จุดเด่นของตัวโลโก้ของ Canon คือ ตัวอักษร C ที่เส้นหักเข้าด้านในไม่ซ้ำกับแบรนด์ใดๆ ในโลกแสดงถึงเอกลักษณ์ Canon ซึ่งเน้นความแปลกใหม่ ไม่ซ้ำใคร จึงคงเอาไว้ให้เป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์

14.Casio

Casio มีหลากหลายโปรดักซ์ ไม่ว่าจะเป็นนาฬิกา Baby-G  เครื่องคิดเลข และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ  โดยชื่อแบรนด์นี้มาจากนามสกุลของผู้ก่อตั้ง ชื่อ “คาชิโอะ” (Kashio) แต่มันดูญี่ปุ่นเกินไป ผู้ก่อตั้งจึงเลือกใช้ชื่อ CASIO ซึ่งมีความ “อินเตอร์” และเข้าถึงคนต่างชาติได้มากกว่าเลยเป็นที่มาของชื่อ Casio

15.SONY

อีกแบรนด์ที่คุ้ยเคยของคนไทย SONY ไม่ใช่ภาษาญี่ปุ่น มาจากการเล่นคำภาษาละติน “SONUS” แปลว่าเสียง กับคำว่า “SONNY” จาก Sonny Boy ซึ่งสื่อถึงภาพของวัยรุ่นที่กระตือรือร้นเปี่ยมด้วยพลังงาน ภาพลักษณ์ของแบรนด์โซนี่จึงโดดเด่นที่ความโฉบเฉี่ยวและทันสมัย

16.MUJI

แบรนด์ MUJI เป็นอีกแบรนด์ญี่ปุ่นที่เป็นที่นิยมทั่วญี่ปุ่นและทั่วโลก จริงๆแล้วแบรนด์ MUJI นั้นมีชื่อเต็ม ๆ คือ MUJIRUSHI-RYOUHIN (無印良品) แปลว่า “สินค้าคุณภาพดีที่ไร้แบรนด์”  โดยความตั้งใจแรกของผู้ก่อตั้ง คือต้องการขายสินค้าคุณภาพดีที่โนเนม คือไม่ต้องมีแบรนด์ แต่สุดท้าย “โนเนม” หรือ “โนแบรนด์”  กลับกลายมาเป็นแบรนด์ดัง

17.NINTENDO

บริษัทเกมส์อันดับหนึ่งของญี่ปุ่น ในภาษาญี่ปุ่นจะออกเสียงว่า NINTENDOU (任天堂) มาจาก 2 คำคือ “NIN” มีความหมายว่า มอบความไว้วางใจ และ  “TEN-DOU” แปลว่า สวรรค์ ความหมายโดยรวมของคำว่า “NINTENDO” แปลว่า ปล่อยให้เรื่องของโชคเป็นไปตามสวรรค์กำหนด”

18.SUBARU

ภาพสัญลักษณ์ที่เป็นรูปกลุ่มดาว 4 แฉก ประกอบด้วยดาวดวงเล็ก 5 ดวง และดาวดวงโตอีก 1 หนึ่งดวง ซึ่งทั้งหมดรวมออกมาเป็นสัญลักษณ์ของรถยนต์ยี่ห้อ Subaru อีกทั้งชื่อ Subaru เองก็เป็นชื่อเรียกของกลุ่มดาวลูกไก่ใที่ใช้เป็นสัญลักษณ์ดังกล่าวในภาษาญี่ปุ่นเช่นกัน โดยญี่ปุ่นมีความเชื่อว่า กลุ่มดาวทั้ง 6 ดวงนี้สามารถมองเห็นได้ชัดเจนบท้องฟ้ายามวิกาล แสงที่ส่องสกาวสุกสว่างไสนั้นเป็นสื่่อกลางนำทางนักเดินทางมาอย่างเนิ่นนาน การเลือกใช้สัญลักษณ์เรื่องดาวนำทางนั้น ทาง Subaru ต้องการจะสื่อให้เห็นว่าพร้อมจะเป็นแสงสว่างนำทางเหล่านักเดินทางไปยังจุดหมายเดียวกัน นั่นคือปลายทางที่มีความหวังรอคอยอยู่เบื้องหน้า

19.MITSUBISHI

เริ่มต้นในปี พ.ศ. 2413 จากบริษัทขนส่งสินค้าซึ่งก่อตั้งโดย ยาทาโร่ อิวาซากิ สู่การผลิตรถยนต์โดยสารขึ้นเป็นครั้งแรกในปี พ.ศ. 2460  เครื่องหมายการค้าของมิตซูบิชิ ถูกออกแบบโดย ยาทาโร่ อิวาซากิ ผู้ก่อตั้ง เป็นสัญลักษณ์ที่ได้รวบรวมเอาตราประจำตระกูลของสองตระกูลเข้าไว้ด้วยกัน

ชื่อ Mitsubishi มาจากคำว่า Mitsu แปลว่า 3 ชิ้น และคำว่า Hishi แปลว่าสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน  โดยมีที่มาจากตราประจำตระกูลอิวาซากิ ที่เป็นรูปสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน 3 อันซ้อนกัน 

20.ISUZU 

Isuzu ไม่ได้มาจากชื่อของผู้ก่อตั้ง จริงๆแล้ว Isuzu แปลว่า กระดิ่ง 50 ใบ ซึ่งเป็นชื่อของแม่น้ำอีซูซุอันศักดิ์สิทธิ์ที่ไหลผ่านศาลเจ้าอิเสะ ในจังหวัดมิเอะ ซึ่งมีอายุเก่าแก่มากกว่า 2,000 ปี ศาลเจ้าแห่งนี้ชาวญี่ปุ่นเชื่อว่าเป็นที่สถิตของ องค์สุริยเทพ “อามะ เทราสุ โอมิคามิ” ซึ่งถือเป็นบรรพบุรุษของราชวงศ์ญี่ปุ่น  โดยบริษัทอิชิกาว่า ได้เปิดตัวรถยนต์รุ่นอีซูซุ ที่ตั้งชื่อมาจากแม่น้ำศักดิ์สิทธิ์ จนต่อมาชื่อนี้ได้ถูกนำมาตั้งเป็นชื่อบริษัทที่เราคุ้นเคยกันในทุกวันนี้นั่นเอง

**แถมให้อีกนิด ชื่อแบรนด์รถยนต์สัญชาติญี่ปุ่นที่เราคุ้ยเคยกันดี ไม่ว่าจะเป็น TOYOTA , HONDA , MAZDA , SUZUKI  การตั้งชื่อแบรนด์ก็ไม่มีอะไรซับซ้อนเพราะว่ามาจากชื่อผู้ก่อตั้งนั่นเองค่ะ

ที่มา : Wikipedia  Kiji