2025.02.12ท่องเที่ยว • วัฒนธรรม • ประเทศญี่ปุ่น

ชาเขียวไม่ได้มีแค่มัทฉะ..ทำความรู้จักชาเขียวญี่ปุ่น

ปัจจุบันกระแสชาเขียวญี่ปุ่นได้รับความนิยมมาก โดยเฉพาะมัทฉะเป็นที่พูดถึงกันมากในไทย แต่หลายๆท่านอาจจะยังไม่รู้ว่าจริงๆแล้วชาเขียวญี่ปุ่น มีหลากหลายประเภททั้งมัทฉะ เซ็นฉะ โฮจิฉะ เป็นต้น แล้วชาเขียวแต่ละแบบเป็นอย่างไร แตกต่างกันอย่างไร เรามาหาคำตอบกันค่ะ  

ชาเขียวญี่ปุ่นประเภทต่างๆ

1.เซนฉะ  (Sencha – 煎茶) เซนฉะคือชาเขียวที่คนญี่ปุ่นนิยมดื่มที่สุด ปลูกกลางแสงแดด เก็บเกี่ยวในช่วงแรกหรือช่วงที่ 2 ของปี ซึ่งจะเป็นช่วงที่ต้นชาผลิใบอ่อน เมื่อเก็บยอดอ่อนใบชามาแล้วภายใน 12-20 ชั่วโมงต้องนำยอดอ่อนใบชานี้มาผ่านความร้อนประมาณ 15-20 วินาทีเพื่อป้องกันปฏิกิริยาออกซิเดชัน ซึ่งทำให้ให้ได้ใบชาสีสวยและยังคงสารอาหารที่มีประโยชน์ไว้

สิ่งสำคัญในการปลูกเซนฉะคือการได้รับแสงแดดอย่างเพียงพอ ดังนั้นเซนฉะจึงมีปริมาณวิตามินซีมากและยังมีสารคาเทชิน (Catechin) ค่อนข้างสูง ซึ่งสารนี้เองช่วยในการต่อต้านสารอนุมูลอิสระ เพิ่มความจำและดักจับไขมัน จึงเป็นชาเขียวที่คนญี่ปุ่นดื่มในประจำวันมาโดยตลอดและด้วยสารคาเทชินนี้เอง จึงทำให้ชาเซนฉะมีรสชาติค่อนข้างฝาดกว่าชนิดอื่นอย่างชามัทฉะ โฮจิฉะ หรือเกียวคุโระ 

 2.เกียวคุโระ (Gyukuro – 玉露)  เกียวคุโระ คือเซนฉะชั้นสูง น้ำชาจะมีสีเขียวอ่อน ใช้ยอดใบชั้นดี ปลูกโดยคลุมผ้ากันแสงให้อยู่ในสภาวะเหมาะสมจนเป็นสีเขียวเข้ม รสไม่ฝาด หวานเล็กน้อย ผลิตได้ไม่มาก เก็บเกี่ยวได้ทีละน้อย ราคาจึงค่อนข้างแพง ถือเป็นชาคุณภาพดีที่สุด ผลิตจากใบชาที่เก็บเกี่ยวในครั้งแรกของปีราวเดือนพฤษภาคมถึงเดือนมิถุนายน ก่อนที่จะเก็บชาเกียวคุโระ 3 อาทิตย์ จะมีการคลุมต้นชาไม่ให้โดนแสนอาทิตย์มากไป โดยจะให้โดนแสงเพียงประมาณ 70% เพื่อให้ใบชาลดการสังเคราะห์แสง เป็นเทคนิคเพิ่มสารคลอโรฟิลล์และจะทำให้ได้ใบชาที่มีสีเขียวสวย 

นอกจากขั้นตอนการเก็บเกี่ยวที่ต่างกับชาชนิดอื่น ๆ ชาเกียวคุโระนี้จึงมีรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ โดยจะมีรสละมุนและฝาดน้อยกว่าชาเซนฉะ เนื่องจากโดนแสงน้อยกว่าจึงมีสารตาเทคิน (ที่ทำให้เกิดรสฝาด) น้อยกว่าชาเขียวประเภทอื่นๆ นอกจากนี้เกียวคุโระยังเต็มไปด้วยกรดอะมิโน โปแทสเซียม วิตามินซี และคาเฟอีนที่มากกว่าชาเขียวชนิดอื่น

3.บังฉะ (Bancha – 番茶) คุณภาพรองลงมาจากชาเซนฉะ เป็นใบชาเขียบที่เก็บเกี่ยวในรอบหลังๆ โดยจะเก็บเกี่ยวในช่วงที่ 3 หรือ 4 ของปีจึงเป็นใบชาที่โตแล้ว รสชาติอ่อน สีออกไปทางเหลืองอมเขียว รสฝาดกว่า กลิ่นไม่หอมเท่าประเภทอื่น ทำให้มีราคาไม่สูงมาก วิธีการปลูกบังฉะก็เหมือนเซนฉะ เพียงแต่บังฉะจะเป็นใบชาที่อยู่ในส่วนล่างลงมา ไม่ใช่ยอดอ่อนใบชาด้านบนสุดเหมือนกับเซนฉะ ชาเขียวบังฉะจึงเป็นชาที่นิยมดื่มในชีวิตประจำวันเพราะราคาไม่แพงและวิธีชงก็ง่ายไม่ต้องคุมอุณหภูมิความร้อนให้ยุ่งยาก

4.โฮจิฉะ (Hochicha – ほうじ茶) โฮจิฉะคือชาเขียวที่ผ่านการคั่ว จึงเป็นสีน้ำตาล มีกลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์ นิยมดื่มหลังอาหาร โดยใบชาที่นิยมนำมาคั่วเป็นโฮจิฉะมี 3 ชนิด ได้แก่ เซนฉะ (煎茶) บังฉะ (番茶) และคุคิฉะก้านชา (茎茶) ด้วยวิธีการคั่วนี้เองจึงทำให้สารคาเทชินซึ่งเป็นสารที่ทำให้มีรสฝาดและคาเฟอีนน้อยลง ชานี้จึงอ่อนโยนต่อร่างกาย สามารถดื่มได้ทั้งเด็ก คนท้อง และผู้ใหญ่ทั่วไป

5.เก็นไมฉะ (Genmaicha) หรือที่รู้จักกันในชื่อชาข้าวคั่ว คือชาเขียวที่ผสมกับข้าวคั่วหรือข้าวบาร์เลย์ น้ำสีทอง จุดเด่นของชานี้คือความหอมของข้าวคั่วและอัตราส่วนของใบชาที่น้อยกว่าจึงมีคาเฟอีนน้อย

6.มัทฉะ (Matcha – 抹茶)  คือชาเขียวญี่ปุ่นประเภทหนึ่ง ลักษณะเป็นผงละเอียด ละลายน้ำได้ดี สีเขียวเข้ม มีกลิ่นหอม สามารถชงกับน้ำร้อนหรือนมเป็นเครื่องดื่ม และใช้ทำขนมได้  มัทฉะได้จากการนำใบชาที่เรียกว่าเทนฉะมาผ่านกระบวนการพิถีพิถัน ตั้งแต่การปลูก ใบชาที่จะนำมาทำมัทฉะจะต้องไม่โดนแสงแดดมากเกินไป จึงต้องคลุมตาข่ายกันแสง เพื่อทำให้ใบชาเร่งผลิตคลอโรฟิลล์ ทำให้สีเขียวเข้ม ยิ่งสีเข้มมากเท่าไหร่ก็จะยิ่งมีกลิ่นหอม ตอนเก็บใบชาจะต้องเก็บยอดอ่อนเท่านั้น นำใบชาไปนึ่ง หยุดปฏิกริยา oxidation ตากให้แห้ง แล้วบดให้เป็นผง มัทฉะนิยมใช้ในพิธีชงชา ซึ่งมีวิธีชงและดื่มที่ละเอียดอ่อน รสขมของชาเข้ากันได้ดีกับขนมญี่ปุ่นที่มีรสหวาน นอกจากนี้ มัทฉะส่วนมากนิยมนำไปใช้ในพิธีชงชาแบบญี่ปุ่น ดังนั้นคนญีปุ่นจะไม่ได้นำมาเป็นเครื่องดื่มในชีวิตประจำวันเพราะมีราคาแพงด้วย

ความแตกต่างระหว่างมัทฉะและชาเขียว

ชาเขียว หมายถึง ใบชาที่นำไปแปรรูปเป็นชาต่างๆ ส่วนมัทฉะ เกิดจากกรรมวิธีที่ละเอียดกว่า ต้องคลุมผ้าให้ไม่โดนแสงมากเกินไป เก็บได้เพียงปีละครั้ง เวลาเก็บต้องคัดสรรด้วยมือทีละใบ แล้วนำมาบดให้ละเอียดเป็นผงจนสามารถละลายกับน้ำได้ กรรมวิธีอันละเอียดอ่อนจึงทำให้ราคาของมัทฉะสูงกว่าชาเขียวธรรมดา  ชาเขียวเหมาะกับการนำมาชงเป็นเครื่องดื่มเท่านั้น ส่วนมัทฉะสามารถนำมาชงดื่ม ทำขนมและอาหารได้ด้วย ชาที่ชงในพิธีชงชาก็คือมัทฉะ

คุณภาพของชาเขียวญี่ปุ่นขึ้นอยู่กับพื้นที่เพาะปลูก สภาพภูมิอากาศ ดินและน้ำ รวมถึงการดูแลเอาใจใส่ ซึ่งในประเทศญี่ปุ่นมีแหล่งเพาะปลูกชาเขียว ได้แก่ เมือง Uji จังหวัด Kyoto , จังหวัด Shizuoka  , เมืองนิชิโอะ (Nishio) ในจังหวัดไอจิ (Aichi) และจังหวัด Kagoshima

ประโยชน์ของชาเขียวญี่ปุ่น   ชาเขียวญี่ปุ่นอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระและมีประโยชน์ต่อสุขภาพ

  • 1.สารโพลีฟีนอล (Polyphenols) ชะลอการเกิดริ้วรอย อุดมไปด้วยวิตามินอีซึ่งช่วยต้านอนุมูลอิสระ รวมถึงวิตามินซีและวิตามินบีบำรุงผิวพรรณ
  • 2.สารคาเทชิน (Catechin) ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล การดูดซึมไขมันและกระตุ้นการเผาผลาญไขมันในร่างกาย และสาร EGCG ต้านอนุมูลอิสระ เผาผลาญไขมันและคลายเครียด 
  • 3.กรดอะมิโนในชาเขียว (โดยเฉพาะมัทฉะ) อย่างสารธีอะนีน (Theanine) ช่วยบำรุงระบบประสาททำให้รู้สึกผ่อนคลาย ลดความเครียด และยังมีสรรพคุณช่วยเพิ่มความจำ สมาธิ ป้องกันโรคภาวะสมองเสื่อม
  • 4.ช่วยให้ร่างกายตื่นตัว  เนื่องจากชาเขียวมีปริมาณ Caffeine ที่ค่อนข้างสูง
  • 5.เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน เนื่องจากมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ช่วยป้องกันโรคต่าง ๆ

วิธีดื่มให้ได้ประโยชน์สูงสุด  การดื่มชาเขียวให้ได้ประโยชน์มากที่สุดขึ้นอยู่กับวิธีการชงและการบริโภค 

  • 1.เลือกอุณหภูมิน้ำที่เหมาะสม – ชาบางชนิดต้องการน้ำที่ไม่ร้อนเกินไป เช่น มัทฉะและเกียวคุโระ ควรใช้น้ำที่อุณหภูมิ 60-80°C
  • 2.ดื่มเป็นประจำ – การดื่มชาเขียววันละ 1-3 ถ้วย สามารถช่วยเสริมสุขภาพได้
  • 3.หลีกเลี่ยงการเติมน้ำตาล – เพื่อให้ได้รับประโยชน์เต็มที่ ควรดื่มชาเขียวแบบไม่เติมน้ำตาล
  • 4.ดื่มระหว่างวัน – การดื่มชาเขียวหลังอาหารช่วยย่อยอาหารและกระตุ้นการเผาผลาญ
  • 5.ผสมผสานกับไลฟ์สไตล์สุขภาพ – ควบคู่กับการรับประทานอาหารที่ดีและออกกำลังกาย

ชาเขียวญี่ปุ่นเป็นเครื่องดื่มที่มีประโยชน์กับร่างกาย ดังนั้น การเลือกดื่มชาให้เหมาะสมกับความต้องการของแต่ละคนจะช่วยให้ได้รับประโยชน์สูงสุด ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มพลังงาน ผ่อนคลาย หรือเสริมสุขภาพ ท่านใดมีโอกาสไปเที่ยวญี่ปุ่น อย่าลืมไปแวะไปชิมชาเขียวแบบต้นตำรับกันค่ะ

ที่มา chillchilljapan

บริษัทจัดหางาน เพอร์ซันนแล คอนซัลแตนท์ฯ เราเป็นบริษัทจัดหางานญี่ปุ่นในกรุงเทพ เปิดให้บริการจัดหางานและสรรหาบุคลากรที่มีความสามารถทั้งชาวไทยและญี่ปุ่นมาเป็นเวลากว่า 30 ปี
หางานและสนใจทำงานบริษัทญี่ปุ่น สมัครงานกับเพอร์ซันแนลฯ   ฟรี!! ไม่มีค่าใช้จ่าย
สำหรับผู้ที่ต้องการหางาน สามารถลงทะเบียนฝากประวัติ Click
สอบถามเพิ่มเติม โทร 02-2608454 / Email : jobs@personnelconsultant.co.th