ฮังโกะคืออะไร? เมื่อญี่ปุ่นเซ็นชื่อด้วย “ตราประทับ”

ในวันที่โลกหมุนเร็วเท่าการคลิกเมาส์ ชาวญี่ปุ่นยังคงเปิดลิ้นชัก หยิบแท่งไม้เล็ก ๆ ออกมา แล้วประทับลงบนเอกสารด้วยความเคารพ นั่นคือ “ฮังโกะ” สิ่งที่ไม่ใช่แค่ตราประทับ แต่เป็นสัญลักษณ์ของวัฒนธรรมที่หยุดฟังเสียงอดีต
เพราะลายเซ็นอย่างเดียวอาจไม่พอ!
หากคุณวางแผนจะย้ายไปใช้ชีวิตในญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเพื่อทำงาน เรียน หรืออยู่อาศัยระยะยาว มีสิ่งหนึ่งที่ควรทำความรู้จักไว้ตั้งแต่ต้น นั่นคือ “ฮังโกะ” (判子) หรือ “ตราประทับชื่อ” ซึ่งยังคงมีบทบาทสำคัญในชีวิตประจำวันของชาวญี่ปุ่น แม้ในยุคที่เทคโนโลยีก้าวหน้าแล้วก็ตาม
ฮังโกะคืออะไร?
ฮังโกะคือตราประทับที่ใช้แทนลายเซ็นในเอกสารต่าง ๆ เช่น การเปิดบัญชีธนาคาร การเช่าห้อง สมัครงาน ทำสัญญา หรือแม้กระทั่งรับพัสดุ โดยการประทับตราลงบนเอกสารถือว่าเป็นการ “ยืนยันตัวตน” และ “ให้ความยินยอม” อย่างเป็นทางการ
ฮังโกะมีกี่ประเภท?
ฮังโกะมีหลายประเภท และแต่ละประเภทก็มีวัตถุประสงค์การใช้งานที่ต่างกัน ดังนี้:
- จิทสึอิน (実印): ตราที่จดทะเบียนกับสำนักงานเขต ใช้ในธุรกรรมสำคัญ เช่น การซื้อบ้าน ซื้อรถ หรือทำสัญญาทางกฎหมาย
- กินโกอิน (銀行印): ใช้เฉพาะกับธุรกรรมธนาคาร เช่น เปิดบัญชี ถอนเงิน หรือขอสินเชื่อ
- นินอิน หรือ ชูอิน (認印): ตราทั่วไปที่ใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น รับพัสดุ หรือเซ็นเอกสารทั่วไป
- คาเคอิน (角印): ตราขององค์กรหรือบริษัท ใช้ประทับเอกสารทางธุรกิจ
หมายเหตุ: ชาวต่างชาติสามารถทำฮังโกะได้โดยไม่ต้องมีสัญชาติญี่ปุ่น และสามารถจดทะเบียนเป็นจิทสึอินได้เช่นกัน
การทำฮังโกะ
ฮังโกะสามารถทำได้ง่าย ๆ ผ่านร้านค้าทั่วไปใกล้สถานีรถไฟ หรือสั่งออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ เช่น Rakuten หรือ Amazon Japan
วัสดุที่นิยม:
- ไม้ – เบาและราคาไม่แพง
- พลาสติก – ทนทาน เหมาะกับการใช้งานทั่วไป
- เขาสัตว์/วัสดุหรู – สำหรับตราจดทะเบียน ราคาสูงและทนทาน
ราคาขึ้นอยู่กับวัสดุและการแกะสลัก โดยเริ่มต้นประมาณ 500–2,000 เยน และอาจสูงถึง 10,000 เยนขึ้นไป สำหรับฮังโกะที่ใช้กับเอกสารสำคัญ
ข้อควรรู้และข้อควรระวัง
- หากฮังโกะหาย ต้องแจ้งความและดำเนินการเปลี่ยนกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทันที
- ควรเก็บฮังโกะไว้ในที่ปลอดภัย ไม่ควรพกติดตัวตลอดเวลาโดยไม่จำเป็น
- ไม่ควรใช้ฮังโกะร่วมกับผู้อื่น เพราะถือเป็นเอกสารแสดงตัวตนอย่างเป็นทางการ
แล้วลายเซ็นธรรมดาสามารถใช้ได้หรือไม่?
ในบางกรณี เช่น เอกสารราชการ หรือบริษัทแบบดั้งเดิมในญี่ปุ่น ยังจำเป็นต้องใช้ฮังโกะเท่านั้น แม้ว่าหลายบริษัท โดยเฉพาะในวงการเทคโนโลยี จะเริ่มเปลี่ยนมาใช้ e-Signature หลังสถานการณ์โควิด-19 แล้วก็ตาม แต่ก็ยังไม่เป็นทางการสักเท่าไร
ฮังโกะกับชาวต่างชาติ
สามารถใช้ชื่อภาษาอังกฤษหรือคาตาคานะก็ได้ บางธนาคารอาจแนะนำให้ใช้คาตาคานะเพื่อให้ง่ายต่อการใช้งาน ซึ่งแนะนำให้มีฮังโกะอย่างน้อย 1 อันสำหรับใช้ทั่วไป หากในอนาคตมีแผนจะทำธุรกรรมที่มีความสำคัญควรทำจิทสึอินไว้ด้วย
แม้โลกจะเข้าสู่ยุคดิจิทัลแล้ว แต่ฮังโกะยังคงมีบทบาทสำคัญในสังคมญี่ปุ่น โดยเฉพาะเมื่อคุณต้องติดต่อกับราชการ สถาบันการเงิน หรือบริษัทแบบดั้งเดิม การมีฮังโกะติดตัวจึงถือเป็นการเตรียมพร้อมขั้นพื้นฐานของการใช้ชีวิตในญี่ปุ่น ที่จะช่วยให้คุณจัดการเรื่องต่าง ๆ ได้สะดวกและรวดเร็วขึ้นมากหากคุณกำลังจะเดินทางไปญี่ปุ่น อย่าลืมเพิ่ม “ทำฮังโกะ” ไว้ในเช็กลิสต์ของคุณด้วยนะ
ชาวต่างชาติหลายคนมองฮังโกะเป็นเรื่องยุ่งยาก มันต้องพก ต้องเก็บให้ดี ห้ามลืม และห้ามหาย โดยเฉพาะตอนทำสัญญาเช่าห้องหรือเซ็นสัญญางาน เอกสารหลายหน้ารอคอยรอย “ปั๊ม” เล็ก ๆ ซึ่งถ้าไม่มี ก็ต้องกลับมาใหม่พรุ่งนี้ แต่สำหรับคนญี่ปุ่น… มันคือพิธีกรรมเล็ก ๆ ที่แฝงความหมาย “ฉันยอมรับ” ด้วยความรับผิดชอบที่มากกว่าลายเซ็นลวก ๆ
อ้างอิงข้อมูลจาก
📢 ข่าวดี! สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ TNFR และรับข่าวสารอัปเดตล่าสุดผ่าน Line Official 😊
สอบถามโทร